Porn ไล สด
1 อายุของต้นไม้ 2. 2 สภาพของดิน 2. 3 ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม 2. 4 ปริมาณน้ำฝน 2. 5 ชนิดของผลไม้ วิธีการใส่ปุ๋ย: โดยทั่วไปมักใช้การโรยหรือหว่านบริเวณรอบๆ ทรงพุ่ม ซึ่งรากที่ทำหน้าที่ในการดูดน้ำ และแร่ธาตุอาหารจะอยู่ในบริเวณนี้เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นจึงพรวนดินกลบให้ปุ๋ยคลุกเคล้าเข้ากับดิน วิธีการใส่ปุ๋ยนั้นควรแบ่งการใส่เป็นดังนี้ 4. 1 ตั้งแต่เริ่มปลูก ใส่ปุ๋ยผึ้งมังกรรองพื้น 4. 2 สัดส่วนการใช้ปุ๋ยผึ้งมังกรและปุ๋ยเคมี ตามอายุพืช อายุพืช ผึ้งมังกร:เคมี (อัตราส่วน/ต้น/ครั้ง) 0-1 ปี 1-2 ปี 2-5 ปี 5-7 ปี 7 ปีขึ้นไป 200 กรัม: 100 กรัม 300 กรัม: 150 กรัม 400 กรัม: 200 กรัม 500 กรัม: 250 กรัม 1000 กรัม: 500 กรัม 4. 3 สูตรปุ๋ยเคมี ที่ใช้คู่กับปุ๋ยผึ้งมังกร ขึ้นอยู่กับระยะของพืชในแต่ละปี ซึ่งส่วนใหญ่แบ่งใส่ 3 ครั้งต่อปี โดยการใส่แต่ละครั้งเน้นสัดส่วน N:P:K เป็นหลัก อาทิเช่น ถ้า N:P:K = 1:1:1 สามารถใช้สูตร 15:15:15 ได้ระยะต่างๆมีดังนี้ ช่วงการเจริญเติบโต N: P: K: = 1: 1: 1 ช่วงการออกดอก N: P: K: = 1: 2: 1 ช่วงการให้ผล N: P: K: = 1: 1: 2
มีเรื่องราวการเกษตรดีๆมาฝากทุกท่านอีกเช่นเคย วันนี้ขอเสนอวิธีการปลูกพริก แต่ไม่ใช่การปลูกพริกธรรมดาๆนะคะ เป็นการ ปลูกพริกในถุงหรือในกระสอบ ค่ะ ช่วยประหยัดต้นทุน เคลื่อนย้ายง่าย พริกดกอีกด้วยค่ะ โดยสูตรนี้ได้รับการเผยแพร่จาก ยูทูปชาแนล nat chan Channel เพื่อให้เป็นแนวทางของผู้ที่สนใจทุกท่านค่ะ วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1. ต้นกล้าพริก 2. ดินสำหรับปลูก 3. ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 4. น้ำสำหรับรด 5. ถุงดินหรือกระสอบดิน วิธีการปลูก 1. นำถุงดินสำหรับปลูกขนาดใดก็ได้ตามต้องการ มากดก้นถุงให้สามารถตั้งได้ 2. จากนั้นทำการตัดปากถุงออกแล้วม้วนลงมา ดังรูป 3. ทำการตักดินออกครึ่งหนึ่งของถุง เพื่อให้มีปริมาณเหมาะสมในการปลูกพริก แล้วทำการเจาะรูที่ก้นถุงเล็กน้อยเพื่อระบายน้ำ 4. ทำการใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณครึ่งกำมือลงไปในถุงแล้วกลบด้วยดินอีกที 5. นำต้นกล้าพริกลงปลูกในถุง โดยปลูกพริก 1 ต้น ต่อ 1 ดิน เพื่อไม่เป็นการแย่งอาหารกัน 6. ทำการรดน้ำแล้วนำถุงปลูกไปตั้งไว้ในที่ห่างไกลแสงเนื่องจากต้นกล้ายังเล็ก หากโดนแสงอาจเฉาได้ 7. ทำการรดน้ำทุกวันตอนเช้า หมั่นสำรวจว่าความชื้นพอหรือไม่ แล้วถอนวัชพืชที่ขึ้นออกเพื่อจะได้ไม่เป็นการแย่งอาหารของต้นพริก ไม่นานต้นพริกก็ออกผลให้เก็บได้แล้วค่ะ
เกษตรกรบางรายปลูกไม้ผลเช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง และมังคุด และมีการดูแลรักษาอย่างดี แต่ไม้ผลไม่เจริญเติบโต ไม่มีการแตกยอดอ่อนใหม่ หรือแตกยอดอ่อนน้อยมากและยอดสั้น แม้เวลาผ่านไปหลายปีแต่ยังมีขนาดเท่าเดิม เมื่อดูวิธีการปลูกแล้วปรากฏว่าเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ 1. เกษตรกรขุดหลุมและปลูกฝังลึก ทำให้รากฝอยซึ่งเป็นรากหาอาหารขาดอากาศหายใจและต้องใช้เวลาในการงอกขึ้นมาอยูระดับผิวดินเพื่อให้ได้อากาศหายใจ (เมื่อรากหายใจไม่ได้ก็ไม่สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้) ทำให้พืชโตช้า วิธีป้องกันคือ ไม่ปลูกให้ลึก ให้ปลูกสูกกว่าระดับผิวดินเล็กน้อยแล้วใช้ดินกลบให้ดูเป็นกะลาคว่ำ เมื่อดินได้รับน้ำและดินยุบตัวจะต่ำลงเสมอผิวดิน 2.
75 – 1 เมตร ความย าวแล้วแต่ สภาwพื้uที่ หว่าuเมล็ดให้กsะจายทั่วแปลง กลบดินหนา 0.
5 – 1. 0 เมตร ระยะห่างของหลุมปลูก – ระยะปลูกทั่วไป คือ ระยะระห่างแถว 6-8 เมตร ระหว่างต้น 6-8 เมตร – ระยะปลูกชิด เช่น ปลูกระยะ 4×4 เมตร ได้จำนวนต้นและผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่มาก ขณะที่การ ลงทุนเพิ่มมากขึ้น มีการควบคุมทรงพุ่มและการจัดการมากยิ่งขึ้นกว่าระยะปลูกปกติ 2. 2 ขั้นตอนการปลูก – ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร กรณีพื้นที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ควรขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และใช้วัสดุปรับปรุงดินเพิ่มมากขึ้น – วัสดุปรับปรุงดินที่ใช้กับหลุมขนาดปกติ ประกอบด้วยหินฟอสเฟต 0. 5 กิโลกรัม ปุ๋ยอินทรีย์ 5-10 กิโลกรัม ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 200-300 กรัม คลุกเคล้ากับดิน นำมะม่วงออกจากถุงแล้วปลูกมะม่วงลงกลางหลุม ปักหลักยึดต้นกันการโยกคลอน แล้วใช้มีดกรีดเอาพลาสติกบริเวณรอยต่อระหว่างยอดพันธุ์กับต้นตอออก – ในแหล่งปลูกที่มีลมแรงควรปลูกไม้บังลมเป็นแถว หรือเป็นแนวขวางทิศทางลมล่วงหน้าหรือปลูกพร้อม ๆ กับการปลูกมะม่วง เช่น สะเดา หรือไผ่ เป็นต้น 3. ฤดูปลูก ต้นฤดูฝนเหมาะสมที่สุด มะม่วงที่ปลูกจะมีการเจริญเติบโต และตั้งตัวได้ก่อนถึงฤดูแล้ง แต่ถ้าหากมีระบบการให้น้ำก็สามารถปลูกมะม่วงได้ทุกฤดูกาล 4. การดูแลรักษา 4.