Porn ไล สด

Porn ไล สด

ตาราง Subnet Mask — ตาราง Subnet Mark Twain

7 - 192. 95 สามารถทำได้ดังนี้ access-list 111 permit ip 192. 7 0. 63 any rang นี้จะเริ่มตั้งแต่ 192. 63 access-list 111 permit ip 192. 64 0. 31 any rang นี้จะเริ่มตั้งแต่ 192. 64 - 192. 95 ดังนั้น จาก access-list 111 จะ permit 192. 95 ซึ่งอาจจะเป็น rang ip ที่เกินไปสักหน่อย เพราะว่าในบางครั้งเราอาจจะทำ wildcard mask ที่เกิน ซึ่งอาจจะมีผลต่อการติดต่อในบางไอพี เราจึงต้องทำ wildcard mask ให้เกินให้น้อยที่สุด หรือให้ได้พอดีที่สุด จะเป็นดีที่สุดครับ

  1. IPv4 ตอนที่ 2 : Subnet Mask
  2. วิชา ระบบเครือข่าย: Subnet mask คืออะไร

IPv4 ตอนที่ 2 : Subnet Mask

Subnet mask คือ พารามิเตอร์(Parameter) ที่จะช่วยแยกแยะว่าหมายเลข IP Address นี้ ส่วนไหนเป็น Network ID และส่วนไหนเป็นหมายเลข Host ID โดย Network ID สามารถคำนวณได้จากนำ IP Address มา AND กับ Subnet mask (0 and 0 = 0, 0 and 1 = 0, 1 and 1 = 1) Subnet mask สามารถเขียนในรูปแบบ Prefix length ได้ ตัวอย่างเช่น /8 หมายถึงหากเขียนให้อยู่ในรูปแบบของเลขฐานสอง จะมี bit ที่เป็นเลข "1" เรียงกัน 8 ตัว ซึ่งหากแปลงเป็นเลขฐานสิบก็คือ 255. 0. 0 นั่นเอง (255=11111111) Subnet mask หากเขียนให้อยู่ในรูปแบบของเลขฐานสอง จะเป็น bit 1 เรียงกันจากซ้ายมือไปทางขวามือเรื่อยๆ หากเป็น bit 0 ก็จะเป็น bit 0 ต่อยาวไปยังขวามมือสุดเลย ยกตัวอย่างเช่น 11111111. 00000000. 00000000 หรือ อาจจะเป็น 11111111. 11111111. 11111100 เป็นต้น หากเป็นลักษณะแบบนี้ 11111111. 11111111 ถือว่าไม่ใช่รูปแบบของ Subnet mask จากภาพเราจะสังเกตุได้ว่า ความยาวของ Network จะมีขนาดเท่ากับความยาวของ Host พอดี เมื่อ IPv4 Address มีทั้งหมดมี 32 bit ก็แสดงว่าเป็น bit ของ Network 16 bit และเป็น bit ของ Host อีก 16 bit เมื่อ Subnet mask เข้ามาแยกแยะว่าส่วนไหนคือ Network ส่วนไหนคือ Host เราก็จะเห็น Subnet mask ของตัวอย่างนี้มีหน้าตาประมาณนี้ 11111111.

จำนวนเครื่อง computer ทั้งหมดในแต่ล่ะ Segment ( ในที่นี้เราสมมุติ ว่าจำนวนเครืื่อง มีจำนวนใกล้เคียงกัน) 3. หาจำนวน bit ที่จะต้องยืมมาใช้เป็น Subnet Address โดยพิจารณาจาก ข้อ. 1 และ ข้อ. 2 โดยอาศัยสูตรง่าย ๆ ถ้ายืมมาจำนวน x bit แล้ว ถ้านำเอา 2 มายกกำลังด้วย x แล้ว หักลบออกอีก 2 แล้วได้ค่ามากกว่า หรือ เท่ากับจำนวน Subnet address ที่เราต้องการ ขั้นต่อมา ก้ต้องนำ bit ที่เหลือจากการยืมมา เข้าสูตรเดิมคือ 2 ยกกำลัง n -2 =?? 4. นำ subnet mask ที่ได้มาคำนวณร่วมกับหมายเลข Network Address เดิมเพื่อหา Subnet Address ทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะนำไปกำหนดให้กับ Network แต่ล่ะ Segment 5. คำนวณหมายเลข IP Address ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในแต่ล่ะ Subnet แล้วนำไป กำหนดให้กับเครื่อง computer เครื่อง server และแต่ล่ะ interface ของ router จนครบคับ คือถ้าสมมุติเราได้ IP ที่มีชุดหมายเลข Network เป็น 20. 0 ซึ่งทางเทคนิคจะเห็นว่าเป็นหมายเลข IP Class A ที่เป็น Private IP Address สามารถกำหนดให้เครื่อง ได้ตั้งแต่หมายเลข 20. 1 - 20. 254 โดยมีหมายเลข Network เป็น 20. 0 และหมายเลข Broadcast เป็น 20.

  1. รายการ social icon thailand s panda suffered
  2. ตาราง subnet mask show
  3. โท พา ซ ราคา ตารางผ่อน
  4. ตรวจหวย ตรวจสลากฯ งวด 2 พฤษภาคม 2546 - myhora.com
  5. Official: 'แอสตัน วิลล่า' ประกาศคว้าตัว 'แดนนี่ อิงส์' เซ็นสัญญายาว 3 ปี - Live11
  6. หายนะ ห ว ใจ เกเร

0 b) 255. 128 c) 255. 252. 0 d) 255. 224 e) 255. 192 f) 255. 248. 0 จะต้องเอามาเข้าเป็นสูตรดังนี้ จำนวน hosts > 50 และจำนวน subnets > 300 จากโจทย์บอกว่าได้รับ IP Address มา 1 Class B ดังนั้น เป็นการบอกจุกเริ่มต้น ค่า Default ของ Class B คือ mask /16 จะได้ดังรูป มาดูเลข 2 ยกกำลังกันครับ ตามภาพด้านบน ถ้า n2 = 11 จะได้ n1 = 5 จะได้จำนวน hosts เป็น 30 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 52 ไม่เข้าเงื่อนไข กรณีนี้ใช้ไม่ได้ ตามภาพด้านบน ถ้า n2 = 10 จะได้ n1 = 6 จะได้จำนวน hosts เป็น 64-2=62 ซึ่งมีค่ามากกว่า 52 และ จะได้จำนวน subnets เป็น 1024 ซึ่งมากกว่า 300 กรณีนี้ใช้ได้ n2=10 จะได้คำตอบคือ mask /26 ดังนั้น subnet mask คือ 255. 192 ตามภาพด้านบน ถ้า n2 = 9 จะได้ n1 = 7 จะได้จำนวน hosts เป็น 128-2=126 ซึ่งมีค่ามากกว่า 52 และ จะได้จำนวน subnets เป็น 512 ซึ่งมากกว่า 300 กรณีนี้ใช้ได้ n2=9 จะได้คำตอบคือ mask /25 ดังนั้น subnet mask คือ 255. 128 และ ถ้า n2 = 8 จะได้ n1 = 8 จะได้จำนวน hosts เป็น 128-2=126 ซึ่งมีค่ามากกว่า 52 และ จะได้จำนวน subnets เป็น 256 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 300 กรณีนี้ใช้ไม่ได้ ดังนั้นคำตอบที่ใช้ได้จะมีเพียง 2 subnet mask คือ 255.

wildcard mask บังเอิญไปอ่านแบบทดสอบเกี่ยวกับเรื่องของ wildcard mask รู้สึกว่ายังงงๆยังไงไม่รู้ พอดีวันนี้ถือโอกาสหาข้อมูลหลายชั่วโมงก็พอรู้เรื่องกะ เขาบ้าง ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ ไอ้ wildcard mask ก่อนว่ามันคืออะไร มันก็คือ subnet ที่ถูก reverse นั่นเอง อย่างเช่น subnet 255. 255. 0 ถ้าเป็น wildcard mask มันจะเป็น 0. 0. 255 แล้วมันจะเอามาใช้ตอนไหน?? ที่เห็นส่วนใหญ่จะเอามาใช้กับ access-list แล้วก็ OSPF ครับ ตัวอย่าง config ospf R1(config)#router ospf 1 R1(config-router)#network 192. 168. 0 0. 255 area 0 R1(config-router)#network 192. 1. 3 area 0 R1(config-router)#end ตัวอย่าง access-list access-list 101 deny tcp any 65. 54. 128. 1 0. 15 ตารางระหว่าง subnet mask กับ wildcard mask Subnet mask Wild card mask /24 255. 255 /25 255. 128 0. 127 /26 255. 192 0. 63 /27 255. 224 0. 31 /28 255. 240 0. 15 /29 255. 252 0. 7 /30 255. 255 0. 3 ในการใช้ wildcard mask นั้นมักจะเริ่มจากไอพีที่เป็นเลขคู่เสมอ เช่น ต้องการบล็อกไอพี 192. 4 - 192. 7 ใน access-list ทำได้ดังนี้ access-list 101 deny ip 192. 4 0.

วิชา ระบบเครือข่าย: Subnet mask คืออะไร

ตาราง subnet mass effect
Subnet mask เป็น Parameter อีกตัวหนึ่งที่ต้องระบุควบคู่กับหมายเลข IP Address หน้าที่ของ Subnet mask ก็คือ การช่วยในการแยกแยะว่าส่วนใดภายในหมายเลข IP Address เป็น Network Address และส่วนใดเป็นหมายเลข Host Address ดังนั้น จะสังเกตได้ว่า เมื่อเราระบุ IP Address ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เราจำเป็นต้องระบุ Subnet mask ลงไปด้วยทุกครั้ง การแบ่ง Subnet คือ การแบ่ง IP address ออกเป็นชุดย่อย ๆ ทำให้ Network IP เพิ่มขึ้น แต่ IP address ลดลง Default Subnet mask ของแต่ล่ะ Class ดั้งนี้ Class A จะมี Subnet mask เป็น 255. 0. 0 - เลขฐานสอง 11111111. 00000000. 00000000 Class B จะมี Subnet mask เป็น 255. 255. 11111111. 00000000 Class C จะมี Subnet mask เป็น 255. 00000000 เลข IP ที่เป็น Private networks ของแต่ล่ะ Class มีดังนี้ Class-A คือ ช่วง 10. 0 - 10. 255 - IP Class - A: จะมีจะมีลูกข่ายในแต่ล่ะวง Subnet ได้ไม่เกิน 16, 777, 216 เครื่อง Class-B คือ ช่วง 172. 16. 0 - 172. 31. 255 - IP Class - B: จะมีจะมีลูกข่ายในแต่ล่ะวง Subnet ได้ไม่เกิน 65, 536 เครื่อง Class-C คือ ช่วง 192. 168. 0 -192. 255 (องค์กรขนาดเล็ก และเน็ตบ้านใช้ Subnet Mask Class C) - IP Class - C: จะมีจะมีลูกข่ายในแต่ล่ะวง Subnet ได้ไม่เกิน 256 เครื่อง * จำนวนเครื่องของแต่ล่ะ Subnet ยังต้องหัก Subnet ID กับ Broadcast Address ออกไป Subnet ล่ะ 2 หมายเลข ใน 1 Subnet จะมีส่วนประกอบหลัก ๆ 3 อย่าง คือ - Network IP หรือ IP เริ่มต้นของแต่ละ Network - IP Address ของเครื่องลูกข่าย - Boardcast IP หรือ IP สุดท้ายของ Network ถ้าหากส่งข้อมูลให้ IP นี้ จะหมายถึงส่งข้อมูลไปให้ทุก ๆ เครื่อง ตัวอย่างการคำนวณ Subnet mask Class - C ซึ่งเป็น Class ที่เรานิยมกัน ตัวอย่างที่ 1 IP คือ 192.

127 (000000002? 011111112) จะอยู่ใน class B ถ้าเลขตัวแรกมีค่าตั้งแต่ 128? 191 (100000002? 101111112) และ จะอยู่ใน class C ถ้าเลขตัวแรกมีค่าตั้งแต่ 192 - 223 (110000002? 110111112) มีข้อยกเว้นอยู่นิดหน่อยก็คือตัวเลข 0, 127 จะใช้ในความหมายพิเศษ จะไม่ใช้เป็น address ของ network ดังนั้น network ใน class A จะมีค่าตัวเลขตัวแรก ในช่วง 1?

จากที่ได้กล่าวมา อาจมีข้อสงสัยว่า หลักเกณฑ์ในการกำหนดจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรสของ InterNIC น่าจะก่อให้เกิดความสิ้นเปลือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของการจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรสคลาส C ซึ่งมีการใช้งานกันทั่วไป ตัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นผู้ดูแลระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ต้องการสร้างเครือข่ายอินทราเน็ตและเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้น 40 เครื่อง นาย ก. ได้รับการอนุญาตจาก InterNIC ให้ใช้แอดเดรสในกลุ่ม 203. 150. 1.

1 และ ข้อ. 2 โดยอาศัยสูตรง่าย ๆ ถ้ายืมมาจำนวน x bit แล้ว ถ้านำเอา 2 มายกกำลังด้วย x แล้ว หักลบออกอีก 2 แล้วได้ค่ามากกว่า หรือ เท่ากับจำนวน Subnet address ที่เราต้องการ ขั้นต่อมา ก้ต้องนำ bit ที่เหลือจากการยืมมา เข้าสูตรเดิมคือ 2 ยกกำลัง n -2 =?? 4. นำ subnet mask ที่ได้มาคำนวณร่วมกับหมายเลข Network Address เดิมเพื่อหา Subnet Address ทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะนำไปกำหนดให้กับ Network แต่ล่ะ Segment 5. คำนวณหมายเลข IP Address ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในแต่ล่ะ Subnet แล้วนำไป กำหนดให้กับเครื่อง computer เครื่อง server และแต่ล่ะ interface ของ router จนครบ ตัวอย่างการคำนวณ น่ะครับ Network Address 192. 0 Subnetmask 255. 192 (/26) • ได้ทั้งหมดกี่ subnet bit ที่ถูกยืมมา 2 255. 11000000 ดั้งนั้น จำนวน subnet ที่ได้คือ 2 ยกกำลัง 2 - 2 = 2 subnet • ได้ทั้งหมดกี่ Host Bit ที่เหลือจากการยืมจากข้างบน คือ 6 ก็นำมาเข้าตามสูตรเหมือนกัน 2 ยกกำลัง 6 - 2 = 62 host << ที่จะนำไปใช้กับเครื่อง ใ 1 วง network • หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง?? Subnet แรก 192. 0 1 000000 192. 64 Subnet สอง 192. 1 0 000000 192.

ู การวางแผน คำนวณ Subnet 1. หาจำนวน Segment ทั้งหมดที่ต้องการ Subnet address จำนวนใน Segment ในที่นี้ นับจำนวน network ที่อยุ่ในแต่ล่ะฝั่งอขง Router หรือของ switch Layer 3 หรือ หากมีการ implement VLAN จะนับจำนวนของ VLAN ก็ได้ 2. จำนวนเครื่อง computer ทั้งหมดในแต่ล่ะ Segment ( ในที่นี้เราสมมุติ ว่าจำนวนเครืื่อง มีจำนวนใกล้เคียงกัน) 3. หาจำนวน bit ที่จะต้องยืมมาใช้เป็น Subnet Address โดยพิจารณาจาก ข้อ. 1 และ ข้อ. 2 โดยอาศัยสูตรง่าย ๆ ถ้ายืมมาจำนวน x bit แล้ว ถ้านำเอา 2 มายกกำลังด้วย x แล้ว หักลบออกอีก 2 แล้วได้ค่ามากกว่า หรือ เท่ากับจำนวน Subnet address ที่เราต้องการ ขั้นต่อมา ก้ต้องนำ bit ที่เหลือจากการยืมมา เข้าสูตรเดิมคือ 2 ยกกำลัง n -2 =?? 4. นำ subnet mask ที่ได้มาคำนวณร่วมกับหมายเลข Network Address เดิมเพื่อหา Subnet Address ทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะนำไปกำหนดให้กับ Network แต่ล่ะ Segment 5. คำนวณหมายเลข IP Address ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในแต่ล่ะ Subnet แล้วนำไป กำหนดให้กับเครื่อง computer เครื่อง server และแต่ล่ะ interface ของ router จนครบ อ่าคับ คือถ้าสมมุติเราได้ IP ที่มีชุดหมายเลข Network เป็น 20.

  1. ธิติ สรรค์ อุท ธน ผล พ่อ แม่
  2. คอน เท ร ลงประกาศฟรี
สอบ-ตำรวจ-63
Wednesday, 27-Jul-22 20:52:09 UTC

5minutesmba.com, 2024